บทความที่ 3

บทที่ 3

ซูชิ(sushi) ประเภทของซูชิอาหารญี่ปุ่น เมนูซูชิยอดนิยม

Sushi Type (ประเภทของซูชิ)
Sushi ที่หลายคนรู้จักนั้นมีวิธีการเขียนกัน 2 แบบ คือ Sushi และ Zushi Sushi คำแรกนั้นคือการเขียนเรียกชื่ออาหารและมักใช้สำหรับคำขึ้นต้น เช่น Sushi Food หรือ Sushi Menu เป็นต้น ส่วน Sushi คำที่สองนั้นในการเขียนตามหลังคำเรียกชื่อเมนู Sushi เช่น Nigiri Sushi ก็จะได้ Nigirizushi หรือ Maki Sushi ก็จะได้ Makizushi เป็นต้น Sushi มีความหมายว่าปลาดิบ(Sashimi) Sushi มีคำพ้องเสียงที่คนไทยนิยมเรียก ได้แก่ ซูชิ และ ชูชิ ซึ่งมีความหมายเหมือน Sushi ที่หมายถึงปลาดิบ(Sashimi)

Sushi (ซูชิ) ที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมนั้นมักมีความหมายว่าข้าวปั้นหน้าปลาดิบ(Sushi Nigiri) ที่มีองค์ประกอบของอาหารคือข้าวที่ปรุงรสชาติออกเปรี้ยวๆหวานๆ(Sushi rice)และหน้าปลาดิบหรือหน้าจำพวกอาหารทะเล(Sushi Topping)วางไว้ด้านบนของข้าวหน้าบางประเภทจะมีการแต้มวาซาบิ(Wasabi)ไว้ระหว่างข้าวกับหน้าด้วย และหน้าซูชิบางประเภทอาจมีการตกแต่งเพื่อความสวยงามด้วยสาหร่ายทะเลแห้งแผ่นบางๆ(โนริ-Nori) หรือ ซอสประเภทย่าง(เทอริยากิซอส-Teriyaki sauce) หรืออาจเป็นจำพวกไข่ปลาไข่กุ้ง(Ebiko) ก็ได้และที่สำคัญยังช่วยชูรสชาติและกลิ่นของ Sushi(ซูชิ) ได้ดีอีกด้วย

Sushi Menu(เมนูซูชิ) ที่ผู้คนส่วนมากนิยม

1.Nigirizushi Sushi ที่มีการปั้นข้าวซูชิเป็นก้อนรูปทรงรีและมีหน้าปลาดิบหรืออาหารทะเลต่างๆวางไว้บนข้าวอีกที่บางหน้าอาจมีการแต้มหรือใส่วาซาบิไว้ในซูชิด้วยโดยการใส่ไว้ตรงกลางระหว่างหน้าซูชิกับข้าวซูชิ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการทานซูชิ Nigiri คือ Sushi ที่นิยมกันมากมีการพัฒนาการทำซูชิโดยมีการสรรหาหน้าซูชิที่แปลกใหม่มาให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกันเสมอ

2.Makizushi หรือSushi maki mono Sushi รูปทรงกระบอกม้วนยาว มีสาหร่ายแผ่น(โนริ) ห่อรอบมีไส้อยู่ด้านในส่วนมากนิยมไส้จำพวก ผัก,เนื้อสัตว์,ปลาและอาหารทะเล Sushi แบบนี้นิยมทำโดยม้วนด้วยเสื่อไม้ไผ่ที่ใช้สำหรับม้วนซูชิ และม้วนให้เข้ากัน และตัดซูชิให้เป็นชิ้นพอดีคำ

3.Hosomakizushi Sushi รูปทรงกระบอกขนาดเล็กที่ห่อด้วยสาหร่ายทะเลแห้งแผ่นบางๆมีลักษณะคล้ายกับ Sushi maki mono ที่แตกต่างกันก็แค่ไส้ที่อยู่ตรงกลางของข้าว ส่วนมากจะทำไส้เพียงอย่างเดียวและทำกันเฉพาะไส้ แตงกวา แครอท ทูน่าหรือเนื้อปลาดิบอย่างอื่นเท่านั้น Sushi hoso maki ส่วนใหญ่นิยมทานกันเพื่อล้างปากระหว่างการทานอาหารชนิดอื่น เช่น ปลาดิบ เพื่อให้เข้าถึงรสชาติของอาหารได้มากขึ้นนั่นเอง

4.Gunkanmakizushi Sushi ที่ทำรูปแบบคล้ายถ้วยทรงรีเล็กๆโดยการปั้นข้าวซูชิเป็นก้อนแล้วพันรอบด้วยสาหร่ายใส่ไส้หรือหน้าตามที่ชอบ ส่วนมากที่นิยม ได้แก่ ไข่ปลา ไข่กุ้ง ไข่หอยเม่น ส่วนเนื้อปลาหากนำมาทำก็จะนิยมปรุงรสกันก่อน เช่น สลัดหรือยำเพื่อใส่เป็นหน้า Gunkanmakizushi การตกแต่งหน้าให้เข้ากัน ส่วนใหญ่จะนำแตงกวาสไลด์แผ่นบางๆวางรองก่อนใส่ไข่ปลาลงไปแต่หากเป็นยำหรือสลัดเนื้อปลาจะใช้การแต่งหน้าด้วยหอมใหญ่สับละเอียดแทน

5.Uramakizushi Sushi ห่อขาวรูปทรงกระบอกขนาดกลางๆ โดยการนำข้าวซูชิม้วนออกด้านนอกและกลับด้านสาหร่ายไว้ข้างใน ไส้ที่นิยมได้แก่ แตงกวา มายองเนส อะโวคาโด แครอท เนื้อปู ทูน่า และโรยด้วยเมล็ดงาหรืออาจคลุกกับไข่กุ้ง(Ebiko)ก็ได้

6.Temakizushi Sushi ซูชิที่ทำกันโดยการม้วนด้วยมือ มีโนริสาหร่ายพันรอบๆข้าวซูชิ ด้านในใส่ไส้ เช่น กุ้งซูชิ(Ebi sushi),ปูอัด(Kani),ไข่หวาน(Tamakoyaki)และราดด้วยมายองเนสหรือน้ำสลัดญี่ปุ่น ตกแต่งด้วยไข่กุ้ง หรืออาจใช้ไส้ประเภทอาหารทะเลสดต่างๆผักสดตามชอบก็ได้เหมือนกัน หน้าหรือไส้ที่นิยมกันมากได้แก่ ซาชิแซลมอน,ไข่ปลาแซลมอน,ทูน่าซาชิมิ,ปลาหมึก,กุ้งหวานซูชิ,ปลาไหลย่าง,เนื้อย่าง,ไก่ย่าง,ขาปูยักษ์ต้มสุก,ไข่หวาน เป็นต้น

7.Narezushi Sushi ที่มีลักษณะคล้ายกับปลาส้มนิยมนำมาย่างให้สุกเสริฟขณะร้อนๆ Narezushi คือ Sushi แบบดั้งเดิมของซูชิ ทำได้โดยการนำเอาปลามาหมักกับข้าวเกลือพริกแดงและพริกญี่ปุ่น แต่ระยะหลังไม่ค่อยนิยมทำกันเพราะมีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยากและใช้เวลาในการทำนานมาก ปลาที่นิยมนำมาทำ Narezushi เป็นปลาตระกูลของปลาทู

8.Oshimakizushi  Sushi รูปแบบคันไซจากเมืองโอซาก้า Sushi (ซูชิ)ที่มีวิธีการทำโดยอัดกล่องหรือพิมพ์ซึ่งเป็นบล็อกไม้สี่เหลี่ยมทรงยาว ปลาที่นำมาใช้ทำหน้าซูชิคือปลาที่หมักในน้ำเกลือแล้วล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสมสายชูหมักจากข้าว

9.Chirashizushi Sushi รูปแบบจัดจาน โดยการนำอาหารทะเลที่ชอบมาวางเรียงบนข้าวซูชิในจานหรือชามหน้าส่วนมากที่นิยมคือเนื้อปลาดิบและอาหารทะเลปรุงสุก เช่น ปลาแซลมอน,กุ้งหวานซูชิ,หนวดปลาหมึกยักษ์,ไข่ปลาแซลมอน,อโวกาโดและไข่หวานหั่นฝอยและตกแต่งจานด้วยโนริสาหร่ายหั่นฝอย ทานคู่กับน้ำจิ้ม Sashimi ที่มีส่วนผสมของโชยุและมิรินหรือสาเกหวาน

10.Sugatazushi Sushi ซูชิที่ทำได้โดยการนำปลาทั้งตัวมาแล่และหั่นแล้วนำเนื้อปลามาวางบนข้าวซูชิ ปลาที่นำมาทำ Sugatazushi ส่วนมากเป็นปลาทูชนิดต่างๆ วิธีการทำ คือนำปลามาแล่เอากระดูกออกและทำความสะอาดให้ดีแล้วนำไปหมักรวมกับน้ำปรุงที่ทำมาจากส่วนผสมของน้ำ,น้ำส้มสายชูหมัก,น้ำตาล การห่อ Sugatazushi โดยการนำปลาที่ผ่านการหมักแล้วมาหุ่มข้าวซูชิแล้วจัดรูปทรงเหมือนตัวปลา ห่อด้วยพลาสติกแลปเก็บไว้ในตู้เย็นประมาณ 24 ชั่วโมง นำออกมาตัดชิ้นพอดีคำเสริฟขณะเย็นๆ

11.Temarizushi Sushi ลูกกลมๆมีหน้าอาหารทะเลชนิดต่างๆอาจแต้มวาซาบินิดนึงด้วยก็ได้แล้วห่อด้วยแผ่นพลาสติกแล้วรวบหมุนด้วยมือให้เข้ากันเป็นลูกกลมๆ ก็เสร็จเรียบร้อย

12.Inarizushi Sushi ที่ทำได้ทั้งแบบใช้ข้าวซูชิธรรมดายัดไส้ถุงของเต้าหู้หวานเลยก็ได้หรือนำข้าวปรุงรสและใส่เนื้อสัตว์ตามที่ชอบก็ได้ (ถุงเต้าหู้หวาน ทำได้โดยการนำเต้าหู้แผ่นที่ทอดมาตัดแบ่งครึ่งแล้วแกะเนื้อออกนำไปต้มกับดาชิซุปปรุงรสด้วยน้ำตาลมิรินและโชยุ รสชาติออกหวานนิดๆ)

ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.

บทความที่ 2

บทความที่2 

สูตรการทำข้าวซูชิ

ซูชิ(sushi) สูตรวิธีทำข้าวซูชิ(sushi rice)

การทำข้าวซูชิแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การหุ้งข้าว และ การทำน้ำส้มปรุงรสซูชิ

น้ำส้มสำหรับปรุงซูชิ ส่วนมากนิยมใช้น้ำส้มสายชูหมักจากข้าวหรือผลไม้ก็ได้เหมือนกัน โดยส่วนใหญ่สูตรจะใช้น้ำส้มมากกว่าน้ำตาลแล้วตัดรสด้วยเกลือเพื่อความกลมกล่อมของรสชาติ ประโยชน์ของการใช้น้ำส้มเพื่อเป็นการถนอมอาหารโดยเฉพาะ
สูตรน้ำปรุงซูชิที่ผู้เขียนเห็นว่าน่าจะเหมาะกับคนไทยและเป็นสูตรที่ลูกสาวชอบทานข้าวมากที่สุด
1.น้ำส้มสายชูหมัก  3 ถ้วย
2.น้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วย
3.เกลือ                  1-2 ช้อนชา
นำส่วนผสมทั้ง 3 อย่าง ผสมรวมกันคนให้เข้ากันยกขึ้นตั้งไฟใช้ไฟกลางคนให้ละลายเข้ากันดีปล่อยให้เดือดแล้วยกลงพักไว้รอผสมกับข้าวที่หุ้งสุกแล้ว

วิธีหุงข้าว
ข้าว  500 กรัม
น้ำ    650 กรัม
ให้ทำการล้างทำความสะอาดข้าวโดยการขัดข้าวด้วยอุ้งมือทั้ง 2 ข้างเบาๆเพื่อลดความเหนียวของข้าวลงแล้วล้างให้สะอาด จากนั้นทำให้ข้าวสเด็ดน้ำ(ขอย้ำ)ไม่งั้นข้าวแฉะแน่ๆ เติมน้ำ 650 กรัมลงไปใส่ในหม้อนำข้าวลงใส่และคนเบาๆ เสียบปลั๊กรอข้าวสุก เมื่อข้าวสุกให้รอไว้ซัก 5-10 นาที่รอให้ข้าวระอุดีแล้วเอาออกจากหม้อและผสมกับน้ำส้มปรุงข้าวซูชิชิมรสตามชอบ เวลาผสมให้ค่อยๆผสมและใช้พัดเป่าลมเบาๆเพื่อให้ข้าวคลายความร้อนข้าวจะได้ไม่แฉะ ก็เป็นอันเรียบร้อยพักข้าวไว้ให้เย็นโดยใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำคลุมเอาไว้เพื่อไม่ให้ข้าวแห้ง สำหรับผู้ที่จะทำขายเป็นอาชีพก็เพิ่มส่วนได้และแนะนำให้เก็บข้าวในกระติกน้ำแข็งข้าวจะได้มีความนุ่มมากขึ้น

ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน 4.0 International.

บทความที่1

SUSHI 

ประวัติของซูชิ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น ประเภท ซูชิ วันนี้เรามีประวัติของซูชิมาบอกกัน ซูชิ (「寿司」 sushi – และมีการเขียนหลายแบบ ได้แก่ すし、鮨、鮓、寿斗、寿し、壽司?) หรือ ข้าวปั้นมีหน้า เป็นอาหารญี่ปุ่น ที่ข้าวมีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู และกินคู่กับปลา เนื้อ หรือ ของคาวชนิดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น ซูชิมักจะหมายถึงอาหารที่มีส่วนประกอบของ ซูชิเมะชิ (寿司飯, ข้าวที่ผสมน้ำส้มสายชู) และมีหน้าแบบต่างๆเป็นหน้า ที่นิยมได้แก่ อาหารทะเล ผัก ไข่ เห็ด เนื้อที่นำมาใช้อาจจะเป็นเนื้อดิบ หรือ เนื้อที่ผ่านกระบวนการทำอาหารแล้ว สำหรับในประเทศอื่น ซูชิ หมายถึง การรวมกันระหว่างปลากับข้าว ซูชิมีวิวัฒนาการมาเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วซึ่งเกิดจากความต้องการถนอมอาหารของคนญี่ปุ่น และซูชิก็ไม่น่าจะใช่อาหารญี่ปุ่นแท้ๆด้วยเชื่อกันว่าน่าจะนำเข้าจากเมืองจีนเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7เนื่องจากมีเอกสารโบราณเก่าแก่ของจีนกล่าวถึงอาหารประเภทที่มีหน้าตาเหมือนกับซูชินี้เอาไว้ตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 2 อาหารดังกล่าวเป็นปลาเค็มที่ใช้ข้าวเป็นตัวหมักจะนำมากินก็ต่อเมื่อปลาได้ที่แล้ว และกินเฉพาะแต่ปลาเท่านั้นส่วนข้าวนั้นเอาไปทิ้ง 

ประวัติซูชิ อย่างไรก็ดี ยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่าซูชิอาจมีต้นกำเนิดมาจากแถบถิ่นเอเชียอาคเนย์บ้านเรานี้เองด้วยเหตุว่าประเทศเมืองร้อนแถบนี้ มีอาหารที่ถนอมหรือหมักด้วยข้าวหลากชนิด ยกตัวอย่างบ้านเราก็ปลาส้มนั่นไงเขาเลยไม่มองข้ามถึงความเป็นไปได้ตรงนี้เช่นกัน เดี๋ยวนี้มีตู้เย็นแล้วก็ไม่ต้องมาหมักกันกินทั้งข้าวทั้งปลานั่นแหละ อร่อยกว่ากันเยอะเลย 

ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน 4.0 International.